ภายใต้ความรุนแรงแห่งโครงสร้าง
ย่อมเกิดความอ้างว้างไม่ห่างหาย
ย่อมก่อความกดดันอันมากมาย
ย่อมทำร้ายองค์รวมของสังคม
วัฒนธรรมความรุนแรงยังแต่งแต้ม
คอยสอดแซมพฤติกรรมซ้ำเพาะบ่ม
ต่อปัจเจกจะประนอมและจ่อมจม
ติดในหล่มตัวตนพ้นประมาณ
ต่อสังคมจะคับข้องด้วยหมองหม่น
เพราะเกลื่อนกล่นด้วยปัญหามหาศาล
เกิดอึดอัดขัดประโยชน์โทษบันดาล
ความต้องการแตกต่างจนหมางเมิน
สันติภาพจากสงครามคือความเขลา
คือความเศร้าหลังรบสงบเผิน
ฝ่ายชนะลำพองจองหองเพลิน
ฝ่ายแพ้เกินกลืนกล้ำระกำใจ
สันติธรรมจึงใช่เพียงสันติภาพ
ใช่สงบหลังเลือดอาบเพื่อรบใหม่
สันติธรรมใช่(ยุทธ)วิธีเพื่อมีชัย
สันติธรรมคือหทัยอันใสงาม
สันติธรรมคือฐานธรรมนำอหิงส์
คือความนิ่งคือความกล้าเดินฝ่าข้าม
คือความรักการุณราวแก้ววาววาม
ใช่ความเกลียดเหยียดหยามตามเกมผจญ
สันติธรรมนำให้เราเข้าใจมนุษย์
ให้เราหยุดประทุษร้ายทุกแห่งหน
โดยเริ่มหยุดความรุนแรงแห่งสกล
ณ จุดแรกที่กมลของตัวเรา
ถ้าจะสู้ก็สู้แต่แค่กิเลส
ซึ่งก่อเหตุลุกลามจากความเขลา
กิเลสนี้มีทั่วไปใช่แต่เรา
คิดบรรเทากิเลสนี้ย่อมมีทาง
อหิงสาคือทางอันสร้างสรรค์
คือหลักธรรมอัศจรรย์ซึ่งสรรค์สร้าง
คือขันติ โสรัจจะและละวาง
การก้าวย่างด้วยสงบจบเบียดเบียน....
วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น