วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

383

เมืองระคน ปนหลาก มากปัญหา
ค่าเงินตรา ลดหาย ไปกว่าเก่า
เงินหยิบมือ น้อยนิด ก็คิดเอา
อย่างไรเล่า เฝ้าจะเติม เพิ่มราคา

ทุกวันต้อง แข่งขัน กันไม่หยุด
ใครสะดุด พร้อมข้ามไป ไม่รอช้า
บ้างหยิบฉวย รวยร่ำ บนน้ำตา
ของประชา ตาดำดำ ที่ทำกิน

หากเหนื่อยนัก พักผ่อน ก่อนจะสาย
แอบอิงกาย ในร่มเงา เจ้าของถิ่น
เสริมกำลัง ใจให้แกร่ง เพื่อแรงบิน
ก่อนจะสิ้น ใจไป ต้องได้ดี

382

นี่หรือ ”เหมือง” กลางกรุงที่มุ่งหา
แท้แค่ป่าคอนกรีตที่ ”รีดไถ”
“เงินแลกเหงื่อ” ไม่เหลือ “พอยาไส้”
ค่าน้ำ- ไฟ , น้ำมัน , “ขึ้นราคา”

รัฐบาล ”แอบคูณสอง” ค่าครองชีพ
“แจก” เหมือน ”บีบ” รีบ “กู้” ชูคอหรา
นโยบาย “ขายฝัน” ลั่นวาจา..
ฟ้าแทบผ่า...”ประชา-เลิกนิยม”

ชนและชาติไม่ใช่ “หนูทดลอง”
ก่อน ”ลองของ” จงไตร่ตรองให้เหมาะสม
“ผู้ใช้แรง..” กลุ่มใหญ่ในสังคม
ถูก ”โคลนตม” ข่มไว้ให้จม ”เลน”

ค่าแรงงาน ”ขั้นต่ำ” ค่ำ-เช้า-กะ
พ่วงระยะ ”ควบกะ” ไม่ละเว้น
วันไหน ”ป่วย” ซวยหนักต้อง ”พักเวร”
ใครจะเห็น ”ทุกข์เข็ญเท่า” เรารู้ดี

“เบี้ยหัวแตก” แทรกมาสารพัด
ยิ่งอัตคัดยัดเยียด “เบียด” ภาษี
เดินมองแล้ว- มองอีก “ซื้อ..ไม่ซื้อดี” !?!
หยิบอันนี้ ชี้อันนั้น ”เทียบราคา”

เป็นคนดีที่”ขยัน” มาตลอด
แต่มา ”จอด” ที่ไม่มี ”การศึกษา”
เคย ”สับสน” หันหลังกลับสูท้องนา
“หน้าแล้งหน้า” จะทำมา – หากินใด ?

คน ”มีกิน” , ” มีใช้” , มิใช่น้อย
ยังล่าถอย ”ร่อยหรอ” ไม่พอใช้
อยาก ”พอเพียง” เถียงต่อ “ไม่พอใจ”
รับว่าใช่ ! ... ใครเยาะเย้ย “เคย-พอกิน”

“รวยล้นฟ้า” ของแท้ไม่กระทบ
สุขสงบ “บนพานทอง” กองทรัพย์สิน
นักการเมืองบางคนเริ่มจาก “ดิน”
แต่ลืมสิ้น ”หมิ่น” คนจนแถม ”ปล้น” ใจ

ท่านมิต้อง ”ยกย่อง” เราให้เกินเหตุ
เป็นพิเศษ “เพียงวันนี้” เรารู้ ”ไต๋”
วันที่ 1 - พฤษภา”วัน - แรงงานไทย”
นั้นไม่ใช่ !! “วันคนยาก” เดินขบวน

แม้ยากไร้แต่ไม่เคยลืม“รากเหง้า”
มี ”เทือกเถา-เหล่ากอ” รอ ”ชื่นม่วน”
หาก “เมืองกรุง” ยุ่งเหยิงจน ”เริงรวน”
กลับไป “ตาย” - “ที่เรือกสวน” ไร่นาเรา....

381

เมื่อวันท้องฟ้าเหลือง ชาวเมืองจะหลงงมงาย
สรรพสิ่งต่างๆที่มันเคยดำเนินมาจะเปลี่ยนไป
เมื่อเริ่มต้นวันแห่งความน่ากลัว
พระเอกขี่ม้าขาว ที่เคยเคียงคู่กับ ความยากจน
กลับมาปล้นไปด้วยความริษยา
ดาวเดือนเคลื่อนคล้อย
พระจันทร์จะแดงก่ำ
ดวงตาคู่นั้นยังมองอยู่ด้วยความสะใจ ปนเวทนา
พิษร้ายจะปกคลุมทั่วทุกหย่อมหญ้า
กัมปนาทของเสียงอาวุธ จะดังต่อเนื่องไปอีกหลายปี
คนดีจะสิ้นสูญ ผู้คนไร้ทางออก
ร่ำร้อง เพื่อให้เขากลับมา
วันอุกาจะยิ่งใหญ่ ได้แค่ชั่วยาม
เมื่อเวลาสิ้นสลายมาถึง
ผึ้งแตกรังยังดูน้อยเกินไป
การไล่ล่าจะบังเกิด ความทุกข์จะทวีเพิ่มมากขึ้น
ประชาชนเริ่มเห็นความจริง
แต่เมื่อถึงเวลานั้นมาถึง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ฝูงตั๊กแตนจำนวนมาก จะเริ่มทำลายไร่นา
เสียงร่ำร้องหาผู้นำจะยิ่งโหยหวน
ระวังผู้ฉวยโอกาส
แล้วความสูญเสียจะมาถึง
จงรอคอย ด้วยความระมัดระวัง

380

ควรทำ ไรกันบ้าง อย่าชวนค้าง ชวนทำไป
ควรร่วม มือร่วมใจ สร้างบ้านใหม่ ช่วยลงแรง

ควรละ ความเกลียดโกรธ ละเว้นโทษ ทั้งเหลืองแดง
ควรเลิก คิดกินแหนง เรื่องครางแครง ควรกล้ำกลืน

ควรแล้ว ที่จะยุบ สภาฟุบ ชุบกลับคืน
ควรไหม ที่จะฝืน จงหยิบยื่น คืนสิทธิ์ชน

ควรเป็น หน้าที่ของ เราทั้งปอง ทุกแห่งหน
ควรได้ เริ่มตั้งต้น ได้หลุดพ้น ความอึมครึม

379

การควรความถูกต้อง....................ดีงาม
หนุนส่งเสริมทำตาม.....................ยึดใช้
ปฎิบัติทุกเมื่อยาม........................เป็นนิจ- ศีลนา
สนับสนุนให้...............................แผ่กว้างนิยมกัน

การควรความถูกต้อง....................เหมาะสม
เป็นสิ่งน่าชื่นชม..........................ยิ่งแล้ว
สังคมจะรื่นรมย์...........................อยู่ร่วม
คุณค่าอันผ่องแผ้ว.......................สื่อสะท้อนแลเห็น

การควรความถูกต้อง....................สำคัญ
โดยถูกต้องกระทำ.......................เพริศแพร้ว
สู่ทางออกรังสรรค์.......................สรรเลือก
สันติสุขเกิดแล้ว..........................สถิตย์สล้างถาวร

378

กรรมกรเมื่อยล้า.................จำทน
กรรมที่เกิดมาจน.................ต่ำต้อย
กรรมที่เลือกจำนน...............กดขี่
กรรมที่ค่าแรงน้อย...............ทับท้นกรรมทวี

กรรมเอ๋ยกรรมกร
มีที่อยู่ที่นอนพอซุกหัว
ใช้ชีวิตพอเพียงเลี้ยงครอบครัว
ประพฤติตัวใต้กฎหมายนายสั่งมา

ทั้งแบกหามสามล้อทั้งก่อสร้าง
กินอยู่อย่างขัดสนกันทั่วหน้า
ขายหยาดเหงื่อแรงกายแลกเงินตรา
เกิดขึ้นมาเหมือนมดงานสร้างบ้านเอย

377

กรรมเอ๋ยกรรมกร
แสนร้าวรอนระทมใจ
กรรมนี้กรรมของใคร
ต้องมาใชกรรมแทนคน

หยาดเหงื่อที่ไหลหลั่ง
ก้มหน้ายังหลังตากฝน
ยอมสู้และอดทน
เรามันจนทนต่อไป

ความรู้แสนต่ำต้อย
มองลูกน้อยที่เดินหาย
อาทรและห่วงใย
ความวุ่นวายในบ้านเมือง

ถึงจนแต่ใจนี้
ไม่เคยมีความขุ่นเคือง
เป็นหนึ่งในฟันเฟือง
ที่หมุนเนื่องเฟืองกรรมกร

ขอเป็นแรงหนุนให้
กำลังใจและขอพร
อย่าท้ออย่าอาทร
อย่าร้าวรอนแบ่งแยกกัน

ความฝันคือชาติเรา
อย่าหลงเงาความแปรผัน
พวกไหนไม่สำคัญ
เราร่วมกันสร้างชาติไทย


กรรมกรจงต่อสู้.........................ด้วยใจ
หยาดเหงื่อเราสร้างไทย..............เด่นล้ำ
เหนื่อยยากลำบากใจ..................ไม่บ่น นาพ่อ
เราอยู่เป็นฐานค้ำ........................เพื่อให้ไทยเจริญ

376


๏ ploythana กรอบห้า 'พอเพียง'
หากว่า ฟ้าลำเอียง เกิดได้
วันใด ที่หมดสียง หมดสิทธิ์
วันสับสนนี้ไซร้ อาจได้เห็นกัน ๚ะ๛


๏ กรอบห้าเลขอาถรรพ์ รู้ไหมนั่น อาถรรพ์ห้า
ห้านิ้วมือซ้ายขวา อาถรรพ์ห้า สร้าง-ทำลาย

๏ ห้านิ้วมือผู้สร้าง หยาบกระด้าง ช่างเลวร้าย
ห้านิ้วผู้กรีดกราย นวลเนียนใส ไร้มลทิน

๏ มือสร้างมือทำลาย นาที่ขาย กลายเป็นถิ่น-
ที่อยู่ผู้มีกิน บนที่ดิน รโหฐาน

๏ ปัจจัยสี่อย่างนั้น พืชพันธุ์ ธัญญาหาร
ท้องถิ่นที่กันดาร ภักษาหาร หายากนา

๏ หมิ่นเถอะหมิ่นให้หนำ กสิกรรม คนรากหญ้า
อารรพ์หมายเลขห้า แล้วอย่าว่า ฟ้าลงทัณฑ์ ๚ะ๛

375

ทุ่งนา .. หายไปไหน ?
มองเหม่อไป หุ่นไล่กา ยืนหน้าเศร้า
เห็นนกกา รุมทึ้ง จิกตีเอา
ไม่เห็นกลัว เหมือนเก่า ยายเล่าเลย...

ทุ่งนา .. หายไปไหน ?
"ยายจ๋ายาย ... โปรดด้วย ... ช่วยเฉลย.."
หนูไม่เห็น ต้นกล้า ปักเหมือนเคย
...............................................
“แม่หนูเอ๋ย ... ฟังยาย ... อย่าตกใจ”

ทุ่งนา ... หายไปไหน ?
ถ้าตายาย หยุดทำนา จะผิดไหม .. ?
หลังชี้ฟ้า หน้าก้มดิน เหม็นเหงื่อไคล
เหนื่อยแทบตาย คนอื่น”ได้” แต่ยาย .. จน !!

ทุ่งนา ... หายไปไหน ?
จงเดินไป หลังบ้าน เขียวทุกต้น
หุ่นไลกง .. ไล่กา ... ยายไม่สน ..
เหลือจะทน ไม่เคยช่วย อะไรได้ ... !!

ทุ่งนา ... หายไปไหน ?
อย่าเอ็ดไป ... เงียบ – ไว้ ...ไม่เสียหาย
ต่อไปนี้ เราจะอยู่ อย่างสบาย
เราอยู่ได้ ... ไม่ขายข้าว ... แต่มีกิน

ทุ่งนา ... หายไปไหน ?
ชาวนาไทย “ปฏิวัติ” บ้าง ใครแดดิ้น...?
ยุคข้าวยาก - หมากแพง … เพียงได้ยิน
ต้องจบสิ้น คนทำนา ... บนหลัง.. Kวาย

ทุ่งนา ... หายไปไหน ?
ถ้าใครถาม ตอบเขาว่า “ยังไม่หาย”
นายังอยู่ แต่คนทำ มันอยาก...ตาย !!
ข้าวไม่ขาย ... อยากกิน “ข้าว” ... มาปลูกเอง

374

๏ ข้าวยาก ขากเหย้าพ่น........น้ำหมาก
แมงพราก หมากแพงยาก......ปลูกข้าว
ข้าวนก ครกน้าวสาก.............ตำหมาก-หุ่งฮา
อนาคต อดนาคะ จ้าว............แบ่งข้าว'โชแปง'


๏ ม้าแรง แมงล้าทุ่ง..............'คนสาธารณะ'
ผ้าขาด พาดคร้าปะ...............เข่าม้า
ขาวม้า ค่ามาว ยะ.................ผ้าขะ-ม้าแม่
ปิดหน่อย ปล่อยนิด น้า..........อยากให้กุ้งยิง

๏ ขิงแน่ แค่นิ่งพร้อม.............ยอมรับ มะเหงกแล
'สันติ' สิตันคับ.....................เต่งเต้า
ตมลาก ตากลมจับ................ผ้าผ่อน
อวดเต่า เอ้าตรวจเจ้า.............จิกเป้าเป๋าตังค์ ๚ะ

373

ข้าวยากหมากลีบต้น........................ลำกลม
สาวนุ่งสั้นตากลม............................ยั่วเย้า
ไขว่ห้างจดจ้องชม...........................ขาอ่อน นางแล
ขาวแแจ่มจอติดเฝ้า.........................เพ่งแล้วลืมหิว

หมากแพงปูนติดป้าย......................เฒ่าชรา
พลอยเดือดร้อนปูนทา....................หมากแห้ง
ตะปันหมากเข้าตา..........................ยายบ่น
รัฐจ่ายห้าร้อยแกล้ง........................กดแล้วบัตรหาย

ยายบ่นตานี่นี้...............................แกล้งยาย
จัดหมากวางพลูกลาย.....................แอบโอ้
ตาบอกว่าสบายสบาย.....................รัฐจ่าย
เข้าธนาคารพลางโม้.......................บ่ ได้เติมเงิน

372

๏ ขากเยาว์ ยาม ข้าวยาก....หมากแพง
แมลงพราก มดหมู แหยง.....หวัดโย้
โวยัด ว่อนโลกแปลง..........ไปหมด
ปดใหม่ เมืองหมกโอ้..........อ่วมไอ้ ทรชน ๚ะ

๏ ทนสอ พอขนาบข้าง.......เพ็จทูล
พูล,เท็จ เว,หาศูนย์............หนึ่งตั้ง
หนังตึง หย่อนตาตูน...........คอเบี่ยง
เคียงบ่อ โคลนเกลือกพลั้ง...ผ่อนบ้าง เพลาแถลง ๚ะ

๏ แพงเถา วัลย์,กลิ่นเชื้อ.....พลางตน
ผลต่าง ดูแลผล................ผลิตตั้ง
พลังติด ก่อแรงดล.............ตอนก่อ
ตอกร่อน เกินเก็บยั้ง...........อยู่โย้ เรือนพัง ๚ะ

๏ รังเพื่อน เราดั่งไหม้.........รังนอน
รอนนั่ง ลุกบิดตอน.............ยากไร้
ใยลาก เถื่อนถกถอน...........บิด,พลั้ง
บัง,ผิด พลาดเก็บไว้...........หมกเม้ม คุมเมือง ๚ะ

๏ เคืองมุม มองต่างขั้ว........แลเห็น
เล่นแห่ โหมประเด็น...........ประดุจฟ้า
ประดาพุทธ์ ต่างจำเป็น.......ประครองสุข
คุกส่อง ธรรมเกิดกล้า.........แกร่งโก้ เกินใด ๚ะ

๏ ไกลเดิน ทางดุ่มดั้น.........บาทวิถี
บีทาส ถั่งถมทวี.................ป่านเน้น
เป็นนาน ทุกข์ถมมี.............มาพร่อง
มองผ่า ยามทุกข์เค้น..........ข้าวยาก หมากแพง ๚ะ๛

371

นกโก๊กนก หกคะมำ คำร้อยกรอง
บทกวี โคลงสี่กลอน อ่อนถ้อยศรี
ร่ายลำนำ ล้ำจินตะ น่าพาที
มอบไมตรี นี้ให้ ไม่ลับลวง

ถึงคราวข้าว ยากหมาก แพงระยับ
ควรสดับ รับฟัง ทั้งราษฎร์หลวง
ร่วมหล่อหลอม น้อมใจให้ เป็นหนึ่งดวง
เลิกคิดห่วง ยศฐา บรรดามี

ไม่ว่าเขา ว่าเรา เรื่องเก่าก่อน
ไม่คิดย้อน อาฆาต ให้บัดสี
แก้ปัญหา อนาคต ต้องวันนี้
จะไม่มี ข้าวยาก และหมากแพง ........

370

๏ วันนี้ V นั้น หยิ่ง...........ใหญ่นัก
วันก่อน ว่อนกัน หนัก........นอบน้อม
วันหน้า ว่านั่น จัก.............หมองหม่น
วันที่ We ทัน พร้อม.........ผ่องหน้าวันไหน

๏ 'เข้าใจ' ใครเจ้า ที่.........สั่งการ
ครึ่งเท่า 'เข้าถึง' พาล........คึ่งเถ้า ---------->(ต้องโทษทั้งเอกโท ขึ้งเฒ่า)
พาถนัด 'พัฒนา' งาน........หน้าที่ ถนัดฤๅ
ลื้อพลาด ราชพรื้อ เจ้า......ไป่รู้ความหรือ

๏ ใครดื้อ คือ ได้ดิบ..........ได้ดี
ใครโง่ โคง่าย มี...............แอกคล้อง
ใครเด่น เข่น die ตี...........ไล่ขับ
ใครบ่น คนใบ้ ร้อง............ไป่เข้าหูใคร

๏ ดัดไว้ ได้หวัดนก............หวัดหมู
ดัดยับ ดับยัด ดู................ฆ่าทิ้ง
ดัดม้า ด่าหมัด กรู.............มากัด
ดัดกลับ ดับกัด กลิ้ง..........ดับฟ้าดับดิน

๏ อยู่กิน ยินกู่บ้าง.............ฟ้าเตือน
กินอยู่ กู่ยินเรือน...............รอบบ้าน
หลับนอน หล่อนนับเชือน....แชเลอะ เลือนฤา
นอนหลับ นับหลอน ค้าน.....ขัดแย้งทุรนทุราย

๏ ไพร่ฟ้า พร้าไกว่ป้อง.......กันไผ
อำนาจ อาจนำภัย..............สู่เจ้า
'ข้าวแพง หมากยาก' ไย......เดินหมาก พลาดเวย
'ข้าวยาก หมากแพง' เศร้า....ศกนี้มีหรือ-สยามเรา บารนี ๚ะ

369

เรียนอังกฤษ คิดพม่า แหมน่าขำ
เป็นผู้นำ ขึ้นมา หาทหาร
ประชาชน เรียกร้อง ไม่ต้องการ
ไล่รัฐบาล ทหารตั้ง สั่งปกครอง
ปราบชุมนุม กลุ่มใหญ่ ในกินเนสบุ๊ค
เรียกร้องปลุก ประชาธิปไตย เพื่อไทยผอง
ให้เป็นแบบ สากล เมื่อคนมอง
ทหารป้อง จ้องปืน ยืนหวังยิง
M. 16 รถถัง ดังทั่วกรุง
จุดหมายมุ่ง ขยี้แดง รุนแรงยิ่ง
ทุบ ตบ เตะ ต่อยตี ยิงมีจริง
ทารุณยิ่ง สิ่งปรากฎ ไม่ปดเลย
คุกคามสื่อ รื้อไล่ สื่อฝ่ายค้าน
ใช้ทหาร แทนตำรวจ อวดโชวเฉย
ให้ทหาร อารักขา บ้าจังเลย
ชัดไม่เอ่ย เผด็จการ ทหารคุม....

368

แบกจอบเช้าเร่งรุด ขุดมัน
รับจ้างแบกตะบัน เข่งย้วย
รูลอดหัวมันหลุบ ทุบหัว กูเวย
ร้อยห้าสิบเองอ้า ข้าได้ รายวัน

พวกพ้องล้วนเหงื่อย้อย หยดไหล
ต่างแบกต่างขุดไป ไป่คร้าน
หวังค่าแรงรายวัน เลี้ยงลูก เมียเวย
สองพันเขาให้พวก ผู้ได้ งานดี

367

๏ กรรมกร กรณ์ก่อหนี้.........หลังอาน
กรณ์บอกกรรม ทำงาน.........หนักหนี้
กรรมกรณ์มาร์ค บังคลาน......คานเด็ก เฮี้ยนเวย
กรรมปะป๋า ชวนชี้...............ชักม้าอาน'บังเหียน'

๏ Mayday เวียนขับม้า..........เมือง Troy
Toy เด็กเล่น สำออย............มืดหน้า
กลัวตาย ไม่มาฝอย.............วันโลก Labor แล
นายก นกยา ข้า..................บ่ได้อยู่ใน-เหตุบ้านการเมืองเลยหรือ

366

หยิบผักชีโรยหน้าแต่งอาหาร
ปฏิบัติบริการแต่จานใหญ๋
พริกกะปิถ้วยเก่าเอาทิ้งไป
ปรุงขึ้นใหม่ง่ายดายไร้ราคา

เป็นแรงงานรายวันนอกระบบ
ตายเป็นศพไม่ต่างไปจากหมา
ดิ้นรนไปตามบุญกรรมที่ทำมา
จะเงยหน้าอ้าปากช่างยากเย็น

นโยบายแจกเงินเพื่อแลกใจ
สร้างเงื่อนไขแยกชั้นชนให้คนเห็น
เอาตัวตั้งคือรายได้เป็นกฏเกณฑ์
เงินประเคนฐานใหญ่ให้ชอบธรรม

ไยกระตุ้นเศรษฐกิจไม่คิดแจก
คนทำมาหาแดรกเช้ากินค่ำ
หรือคิดว่าคนกลุ่มนี้เพียงชักนำ
ชักจูงง่ายเชื่อคำไม่หืออือ

ไร้พลังต่อรองต้องสงบ
ต้องเคารพกฎหมายไหว้นับถือ
เป็นแรงงานต่ำใต้ไร้ฝีมือ
เลี้ยงท้องอิ่มนั้นคือเป็นบุญแล้ว

365

เสียงวิงวอน จากแรงงาน นอกระบบ
ต้องการพบ นายกมาร์ค ด้วยอยากได้
เช็คช่วยชาติ เพื่อประกาศ ความเป็นไทย
ควรต้องให้ ไปถ้วนหน้า เพิ่มค่าแรง

ความเป็นธรรม แก้ปัญหา พาชื่นชม
ความนิยม สมใจนึก ให้กล้าแกร่ง
ละลายพล คนเสื้อเหลือง และเสื้อแดง
มิต้องแข่ง จ่ายน้ำเงิน จนเกินงาม

แรงงานไทย มีในนอก สองระบบ
ควรต้องจบ สองมาตรฐาน การเหยียดหยาม
ลูกนอกคอก บอกให้เห็น เป็นคู่ความ
ต้องติดตาม ได้จุนเจือ ช่วยเหลือทัน

เป็นผู้นำ บริหาร การปกครอง
ฟังเสียงร้อง ของประชาฯ อย่าหุนหัน
ใช่คิดเห็น ว่าท่านเป็น เพียงกัปตัน
มิหวาดหวั่น เรือจะจม สมน้ำหน้า

364

วันแรงงาน แต่รัฐบาล ยังลืมเรา
เป็นความเศร้า ของแรงงาน นอกระบบ
ขอเรียกร้อง สองพันบาท ใยขาดงบ
จ่ายไม่ครบ พบเพียงสอง มาตราฐาน

เมื่อฝนตก ไม่ทั่วฟ้า จึงน่าคิด
ความต่างสิทธิ์ จึงต่างรัก สมัครสมาน
เป็นปัญหา พาให้เห็น สถานการณ์
คือรัฐบาล มีงานเข้า กับกรรมกร

363

เป็นชายชาติ อาชาไนย ทหารหาญ
ใครรุกราน ชายแดนไทย ไล่ลุกรบ
เหล่าทหาร ทำหน้าที่ ริปูสยบ
ความสงบ เพื่อแผ่นดิน หมดสิ้นภัย

ปกป้องชาติ ประชาไทย ได้ร่มเย็น
ปราบผู้เป็น อริราช ศัตรูใหญ่
คือเครื่องมือ ของรัฐบาล กองทัพไทย
มีวินัย ใจนักสู้ รู้หน้าที่

พร้อมพลีชีพ ตายเพื่อชาติ ประกาศก้อง
เพื่อพี่น้อง มวลชนไทย มีศักดิ์ศรี
เป็นประเทศ อิสระภาพ สิทธิ์เสรี
ใต้บารมี แห่งพระองค์ ผู้ทรงธรรม

362

แสงนวลผ่อง คันฉ่อง สาดส่องฟ้า
ล่วงเข้าสู่ อันธิกา คืนพาฝัน
เมฆสีหมอก พอกสีหม่น พ่นนิลพรรณ
แอบเงาใจ ใต้เงาจันทร์ เยี่ยง "อาชา"

วาโยแผ่ว พัดผ่าน กังวานเวก
นิศาเสก เพลงเหงา เฝ้าห่วงหา
ทะเลดาว พราวพร่าว กลางอาภา
ป่านนี้เธอ... นิทรา... อยู่แห่งใด ?

แม้นฟ้ากว้าง ต่างทิศ ไม่ผิดแปลก
แม้นต้องแยก แปลกถิ่น ถวิลไหว
แม้นมองจันทร์ ต่างเสี้ยว ไม่เปลี่ยวใจ
ใจถึงใจ ... อยากส่งให้ ... ไม่พรั่นพรึง

รอ .. ปลดเปลื้อง ภาระ และหน้าที่
หวัง .. จะมีวันให้หายคิดถึง
นี่คือเสียงเรียกจาก ... ห้วงคำนึง
ที่ตราตรึง ... ถึงเธอ ... มิเสื่อมคลาย ..

361

ขอบ“ขัณฑแคว้น” แดน ”สันติสุข” ทุก ”สารทิศ”
จิต ”นิรมิต” แด่ “มาตุภูมิ” ภูมิ.. “ชาติทหาร”
เหนือ “ปฐพี” ศรี “วิญญภาพ” ปราบ “อริ-มาร”
ปก ”ประชาชาญ” สาน “ไผท-ทอง” ป้อง “อธิปไตย”

เทิด ”องค์ราชันย์ ท่าน ”คือจอมทัพ” สดับ ”คำพ่อสอน”
หนุน”หัวบนหมอน” พร “พ่ออุ้มสม” ผ้าห่ม “ที่พ่อให้”
แสง”พลันบรรเจิด” เปิด”ความแกล้วกล้า” ท้า ”ที่หัวใจ”
ควร ”เหนือสิ่งใด” ถวาย ”ชีพ-รับใช้” เป็น “ราชพลี”

เร่ง “ทุกฝีก้าว” เข้า “ประจำการ” สู่ ”ฐานที่ตั้ง”
หน้า ”เฝ้าระวัง” หลัง ”เฝ้าระไว” ไหล่ ”เคล็ดได้ที่”
มอม ”สกปรก” ดม ”กลิ่นเต่ากัน” หมักหมม "ทุกวันวี่”
แรก ”ไม่ชินดี” เสียดสี ”ว่าบัดซบ !!” เพื่อนตบ - “กะโหลกให้”

นอน“กลางทรายฟุ้ง” ยุง “รุมกันกัด” ผลัด “เวรกันเฝ้า”
เหนื่อย “พอทำเนา” เหงา “พอทำใจ” ไกล “พอทนไหว”
เพื่อน “จะถึงฆาต” บาด “หทัยป่น” ด้น “แทบขาดใจ”
ซับ“เลือดนองไหล” ใจ “แทบจะขาด” เด็ดขาด “นะเพื่อนเรา”

เช้า - “เร่งปีนป่าย” สาย- “ลาดตระเวน” เย็น - “ ไม่หยุดหย่อน”
มี “ลางสังหรณ์” ซ้อน “เสียงปืนแตก” แยก “ ระวังเหล่า”
ป่วย “ไม่สบาย” หนัก “เพราะไข้ป่า” ยา “ไม่บรรเทา”
ฝืน “ตะลุยเข้า” เร้า “เร่งข่มขู่” สู้ “ทุกศาตรา”

เจ็บ “พอทุรน” ทน “พอทุราย” หน่าย “จงลืมคิด”
มี “ภารกิจ” จิต “ต้องหนักแน่น” แกร่ง “ กว่าภูผา”
นอน“กันกลางดิน” กิน “กันกลางทราย” อาจตาย “กลางพนา”
ท่าน “คือผู้กล้า” เหนือชั้น “ศักดินา” บุรุษชาติ ”อาชาไนย”

360

ทุกปัญหา ย่อมมี ทางแก้ไข
เพียงขอให้ ควบคุมจิต พินิจข่ม
อยู่ใต้ความ ชังชิง ยิ่งตรอมตรม
ใจระบม ปิดทาง สว่างเดิน

เพียงเปิดแย้ม ประตูใจ ให้กว้างออก
เห็นในนอก เมื่อใด ไม่เก้อเขิน
ร่วมฟันฝ่า กล้าในการ ผ่านเผชิญ
ดีกว่าเดิน ย่ำวน ในกลลวง

359

หากพิศการ รอบกาย หลายหลายสิ่ง
ตามเป็นจริง ไมเอา เราเกี่ยวข้อง
ไม่เข้าข้าง ไม่หยามเกลียด เหยียดเมื่อมอง
ก็จะตรอง เห็นจริง ทุกสิ่งเป็น

เมื่อมีเกิด ย่อมมีดับ สลับเสมอ
เพียงไม่เผลอ ใจตาม ยามเมื่อเห็น
ใช้สติ ตรองไตร่ ด้วยใจเย็น
ทุกข์ลำเค็ญ เพียงใด ผ่านได้เลย

358

การทะเลาะขัดแย้งแห่งความคิด
ไม่อาจจบคุณ"น้ำมิตร"พิศย่อมเห็น
การถกแย้งการเมืองเฟื่องประเด็น
หากหมายเข่นด้วยความแค้นแน่นทรวงใน

มีแต่สัมมาทิฏฐิที่ผลิก่อ
จึงอาจพอช่วยเหลือมาเกื้อไข
มีแต่สางปัญหานานาไป
โดยอาศัยความจริงใจและจริงจัง

ในทางธรรมเห็นทางอยู่อย่างหนึ่ง
เป็นทางซึ่งอาจเรียบง่ายคล้ายไม่ขลัง
แพ้ชนะละทิ้งไปไม่อินัง
ตั้งใจฟังทุกผู้โดยรู้ตัว

เพียงตั้งใจฟังกันนั้นสักหน่อย
จึงสานร้อยเรื่องราวสาวได้ทั่ว
คุณ"น้ำมิตร"จิตใสไม่หมองมัว
เปรียบดังบัวไม่เปียกน้ำจึงตามรู้

นี่แหละเป็นจิตใจที่ใคร่เห็น
ใจเย็นเย็นใจกว้างกว้าง"ทาง"เห็นอยู่
เป็นทางของบัณฑิตพึงคิดดู
และเป็นทางการเรียนรู้กู้สังคม

357

เริ่ม” ทั้งที ควร “ใส” ไม่ปนเปื้อน
การเอ่ยเอื้อน วาจา อย่าสอดไส้
นักการเมือง ในสภา หยุด “โหม” ไฟ
ที่ “ไหม้” แล้ว ลุกลามไป ยัง “ดับ” ทัน

จับตามอง “ วิกฤติ” และ “โอกาส”
“ความผิดพลาด” ต้องประเมิน อย่างสร้างสรรค์
“ผลประโยชน์” หากได้ - ใช้ร่วมกัน
เริ่ม “จัดสรร – ปันส่วน” ให้พอดี

เคยมอง “หัว” ให้มองใหม่ “ หัว... ถึง... หาง”
ต้องเปิดกว้าง “ทางเข้า” เท่าทุกสี
จับสลาย “พฤติกรรม” ทำสักที
จัด “เวที” ให้หันหน้า เข้าหากัน

อาจเป็นการ “ลงมติ” จริงสักอย่าง !!
ควรเป็น "กลาง" คืน “ตัวเลือก” เขาเหล่านั้น
แล้ว “ล้างไพ่” เริ่มใหม่ ให้เทียมทัน
เริ่มผูกพัน สร้าง“สัญญา - ประชาคม”

356

มองต่างมุม สุขุม แบบนุ่มลึก
สงบศึก ทางอารมณ์ กลมกล่อมใส
ดุจน้ำทิพย์ จิบเพียงนิด จะติดใจ
จาก "ผู้รับ" เป็น "ผู้ให้" ใช่สุขจริง

มองต่างมุม รุมมอง ตรองหลายแบบ
เปลี่ยนจาก "แคบ" เป็น "กว้าง" อย่างดียิ่ง
กล่องใบเล็ก ขยายใหญ่ ได้ท้วงติง
เปลี่ยนจาก "วิ่ง" เป็น "เดิน" น่าเพลินดี

กลับ "ซ้าย" บ้าง "ขวา" บ้าง อย่ายึดติด
ขยัน "คิด" ขจัด "แค้น" อย่าแค่น "หนี"
เปลี่ยนความ "ร้อน" เป็น"เย็น" เห็นทันที
สดชื่นดี มี"สีสัน" ขึ้นเป็นกอง

355

หนึ่งคนเดิน ผ่านมา หาความคิด
บ้างที่ผิด ที่ต่าง อย่างเหลือหลาย
บ้างที่เหมือน ที่หนุน จนวุ่นวาย
บ้างก็ให้ ข้อคิด พินิจครวญ

ปรับเข้าหา พอดี นี้คงเหมาะ
เขียนไม่เพราะ ก็อย่าทำ ให้กำสรวล
แลกมุมมอง ดีดี อย่างที่ควร
อย่ารีบด่วน ขัดแย้ง ก่อนแจ้งใจ