วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

251

เราทำลาย ประเทศ เกินเหตุแล้ว

ดุจดังแก้ว ที่แตกร้าว ยากประสาน

ขุดเอาความ ต่างไม่ดี มาประจาน

จะเผาผลาญ ประเทศไทย ถึงไหนกัน


เศรษฐกิจ ตกสะเก็ด นั้นเด็ดขาด

อย่าประมาท เราควรหา สมานฉันท์ (อ่าน สะ มา นะ ฉัน)

เรื่องการเมือง แยกไว้ โดยฉับพลัน

ศัตรูนั้น เศรษฐกิจ พิษไร้แรง


ประเทศชาติ มีวิกฤต คิดสองเด้ง

การเมืองเร่ง เศรษฐกิจร้าย ตายยกแผง

เราอย่ามา แค้นเคือง แยกเหลืองแดง

รวมพลัง เข้าขันแข่ง ก่อนเรือจม.

250

หนทางใดออกได้ หาทาง
สงบใจค่อยสะสาง อย่าท้อ
ทำใจนิ่งเป็นกลาง กันก่อน
ใจนิ่งคลายปมข้อ หยุดแค้นเครียดไป

หนทางใดย่อมได้ เจ้าเอย
อย่าด่วนคิดเฉลย พลาดซ้ำ
ทางอาจไม่คุ้นเคย ดังก่อน
คงมั่นใช่กลืนกล้ำ ถดท้อจิตใจ

หนทางสันติไซร้ หยัดยืน
พิสูจน์สู่ชนคืน อ่อนน้อม
คงมั่นโดยใจชื่น จักเปลี่ยน..แปลงนา
มวลชนใช่ถูกย้อม ย่อมใช้ปัญญา

249

ยุบสภาเลือกตั้งใหม่...............ร้องขอ เพื่อใคร
พลังประชาชนใหญ่...............ไฉน ไม่ยุบ
แล้วตอนนี้ใครไปไกล..............ลี้ ลี้ หลุบ หลุบ
ยุบหยาบ..ดาบใคร................คืนสนอง


หยุดเถิดเห่าหอน....................สร้าง กระเป๋า ตัวเอง
หวั่นเกรง ความจริง ใด........ขอร้อง
เพื่อไทย สมานได้ ใจไท........ทั้งพ้อง
โปรดตรองจิต คิดได้.............กิเลสไซร์ เบาบาง


เป็นเขา เป็นเรา.....................เป็น เพื่อใคร
เป็นประเทศไหน ใคร............แผ่วถาก ถาง
ทำดี เห็นจริง เห็นธรรม......ในใจ...ดูบ้าง
อย่าร้าง มองโลก ที่เห็น.......เป็นจริง

248

หลายปีมานี้วุ่น.....................เหลือเกิน
เตะถ่วงความเจริญ................ทุกด้าน
สังคมวิกฤตเผชิญ.................แตกแยก
แบ่งฝ่ายประท้วงต่อต้าน.........ไม่เว้นรายวัน

ยุบสภาเลือกตั้งใหม่...............ร้องขอ
ทางออกที่เห็นพอ..................เลือกได้
เหตุการณ์กลับไม่ชลอ............ซาส่าง
หนักกว่าครั้งใดให้..................หวั่นคร้ามสะเทือนใจ

อันทางออกท้ายสุด................อยู่หน ใดเอย
ไทยจึ่งไม่ต้องทน...................ชอกช้ำ
ถ้วนหน้าทุกตัวคน...................สุขสงบ ประสบแล
ชาติหลุดพ้นขยี้ขย้ำ.................พิฆาตล้างกันเอง

247

หากจะมี ฟ้าใหม่ ไล่อธรรม
ที่ก่อกรรม ทำไทย แบ่งใส่สี
หนุนพวกตัว ชั่วอีกข้าง อ้างตนดี
หยุดเสียที เคยทำ ระยามมา
องค์กรกลาง ทางศาล วานแก้ไข
ให้คิดใหม่ ทำใหม่ โปร่งใสหนา
ทั้งตำรวจ อัยการ ที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่า มีสั่ง ฟังทุกที
ทำกฎหมาย เป็นกฎหมาย ไร้อคติ
หมดตำหนิ เท่าเทียม เยี่ยมศักดิ์ศรี
จะรวยจน รากหญ้า บรรดามี
ศักดิ์ศรีมี เท่ากัน มันจบเกมส์

246

หนทางใดออกได้ หาทาง
สงบใจค่อยสะสาง อย่าท้อ
ทำใจนิ่งเป็นกลาง กันก่อน
ใจนิ่งคลายปมข้อ หยุดแค้นเครียดไป

หนทางใดย่อมได้ เจ้าเอย
อย่าด่วนคิดเฉลย พลาดซ้ำ
ทางอาจไม่คุ้นเคย ดังก่อน
คงมั่นใช่กลืนกล้ำ ถดท้อจิตใจ

หนทางสันติไซร้ หยัดยืน
พิสูจน์สู่ชนคืน อ่อนน้อม
คงมั่นโดยใจชื่น จักเปลี่ยนแปลงนา
มวลชนใช่ถูกย้อม ย่อมใช้ปัญญา

245

เราโลดแล่นในห้วงแห่งวัฎจักร
ควรตระหนัก “คน” และ “สัตว์” ต่างตรงไหน ?
คนประเสริฐ กว่าสัตว์ เพราะอะไร ?
ตรงที่มี โอกาสได้ ทำความดี

ทั้งสติสัมปชัญญะมีเพียบพร้อม
มีปัญญารู้ถนอมออมศักดิ์ศรี
รู้รักษาศีลธรรมนำชีวี
รู้ผิดชอบ ชั่ว ดี นี่แหละ “คน”....

ต่างกับสัตว์ ที่ถูกเรียก “เดรัจฉาน”
ด้วยสันดานมิอาจแยก.... เหตุและผล
เพียงรับรู้สัญชาตญานดิบของตน
มีเรี่ยวแรงแต่อับจนด้วยปัญญา

เมื่อยามหิว โหยหา ออกล่า “เหยื่อ”
มิเอื้อเฟื้อนี่แหละ.... สัตว์สี่ขา
คนอาจกลาย เป็นสัตว์หาก ไร้ธรรมา
คนสี่ขา ถูกตราหน้า ไม่ใช่คน !!.

244

ความคิดนั้นต่างด้วย...........................มุมมอง
มองเพื่อความปรองดอง......................เด่นล้ำ
ล้ำเส้นกิเลสครอง..............................ใจหด หู่แล
หดหู่ใจใช่ย้ำ....................................อย่าซ้ำรอยแผล

มองมุมความคิดค้น............................ต่างใจ
ใจอย่าเผลอความใน..........................เอ่ยรู้
รู้แต่กิเลสใจ....................................ใฝต่ำ
ต่ำแต่ใจใช่สู้...................................เหวี่ยงซ้ายไปขวา

ขวาซ้ายนั้นถนัดล้วน.........................ต่างกัน
กันเข่าวงในพลัน..............................ยกแข้ง
แข้งขวาอย่าเผลอดัน........................โดนกะ จับแล
กะทะเดือดความแย้ง.........................อย่าได้เร่งไฟ

243

อยากจะบอก ว่ายินดี ที่รู้จัก
เพื่อนผู้ถือ ธรรมะ รู้จัก "ตื่น"
ผู้เผยแผ่ พุทธธรรม ค้ำจุดยืน
ผู้หยิบยื่น ข้อคิด จิตมุ่งดี

เราต่าง "รัก" ในธรรม จำจิตคิด
จำต้องมอง วิกฤติ ในยามนี้
อย่ามุ่งหวัง เพียงถล่ม ล้มไพรี
ต้องรู้จัก หลีกหนี เมื่อภัยมา

ถนอมตัว ถนอมใจ ใยถนอม
คนห้อมล้อม ของเรา เขาห่วงหา
จงเตือนตน ให้หลุดพ้น กลมายา
ชีวิตเรา ยังมีค่า อีกยาวไกล

เราต้องมี สติ ที่เพียบพร้อม
เราต้องน้อม รับฟัง คนส่วนใหญ่
ผิดยอมรับ รู้จัก ขออภัย
ถูกเลื่อมใส ในหัตถา ศรัทธาชน

จะน้อมนำ ธรรมดั่งมิตร ที่ชิดใกล้
ยิ่งกว่าใคร ในโลกหล้า ทุกแห่งหน
ด้วยเชื่อว่า เรามี "กรรม" เป็นของตน
และจะจบ ด้วย "เบื้องบน" ลิขิตมา

เห็นไหมมี สิ่งดี ในความร้าย
พบสหาย กัลยาณมิตร ที่สูงค่า
เราต่างคน ต่างนับถือ ต่างอาสา
ทุกทุกสิ่ง ต้องได้มา อย่างชอบธรรม

242

หากทุกคน รู้หน้าที่ มิก้าวก่าย
เรื่องทั้งหลาย จะไม่มี เหมือนที่เห็น
อคติ ครอบงำ ตามประเด็น
เหตุจึงเป็น ปั่นป่วน จนกลี
การแทรกแซง แบ่งข้าง อ้างถูกต้อง
แถมยังถอง อีกฝ่าย ให้หายหนี
ความเป็นธรรม อยู่ที่ไหน ใครบอกที
กิเลสมี ที่ผู้ใหญ่ ใจอธรรม

241

ความอยากมี อยากได้ มิสิ้นสุด
พายื้อยุด ฉุดกระชาก ด้วยขลาดเขลา
ของคนอื่น ล้วนอยากได้ เป็นของเรา
แม้นบุญน้อยไม่อายเขาอยากลองดี

ส่วนผู้มียศถาบรรดาศักดิ์
ต่างแบ่งพรรค แบ่งฝ่ายเป็นหลายสี
เหลิงอำนาจมักใหญ่ใฝ่บารมี
สุมอัคคีเร่งเผาผลาญดวงหทัย

ทั้งเบียดเบียน สรรหา สารพัด
บ้างปากกัด ตีนถีบ กระเสือก กษัย
บ้างซ่องสุมแต่ช่องทางความ JANRAI
มีความ “คลั่ง” ต่างกันไป ไม่ระวัง

ปาก “ปกป้อง” เพราะ”ห่วง” เพราะ “จงรัก”
แต่กระทำปฏิปักษ์ชักโอหัง
ก่อทุกเข็ญเวรไว้ให้ติดตรัง
บริวารต้องมานั่งแบกใช้เวร....

240

ชะตากรรมส่อสะท้อน.................ผลกระทำ
ไม่ซับซ้อนเงื่อนงำ.....................ซ่อนเร้น
เผยปรากฎเป็นประจำ..................เด่นชัด
ธรรมชาติวิถีเฟ้น........................เพริศพริ้งหนทาง

การที่จะต้องพบ......................ชะตากรรม
ล้วนแต่การกระทำ...................ตอกย้ำ
อย่าหมายสักแม้คำ..................กล่าวโทษ ใครนา
ขออย่าทำผิดซ้ำ.....................กลับเนื้อกลับตัว

239

ชีวิตคนโลดแล่น ปางตาย
ใยถึงยังมิวาย เหนี่ยวรั้ง
ชีวิตให้ตกต่ำ ด้วยชั่ว กรรมเวร
หมักหมมกากเดนซ้ำ บีบเค้น ชีวา

"อมตะ" มีจริงไหม? ใครรู้
"ร้อยเล่ห์" หลอกใครหรือ ? กังขา !!
"การเมือง" เรื่องกงกรรม กงเกวียน เวียนมา
ดิ้นพล่าน-สู้ยิบตา ไม่กล้า ถอดใจ

ประชาชนเป็น "เหยื่อ" พวกท่าน
จ้องเขมือบตาเป็นมัน น้ำลายไหล
บทเรียนครั้งนี้แค่ตักเตือน พวกเรา เปลี่ยนไป
ทหารถือ "ปืน" มาจ่อไซร้ อย่างมาก แค่ตาย

เวลาดั่งวารี .. ไม่นิ่ง ไม่หวนกลับ
ประชาชน ... นิ่งสดับ จับได้
"ความจริง" ยิ่งกว่าจริง เป็นสิ่ง ไม่ตาย
"ความเกลียด" ยิ่งเลวร้าย อย่าได้ ทนงตน

คนเรามีชีวิต แค่หนึ่ง
ยังเจ็บปวดไม่ถึงครึ่ง แค่ถอยร่น
ยังเจ็บต่อได้อีกมาก แค่เจ็บ แค่จน
กรรมส่งให้เกิดมาเป็นคน ทนมือ ... ทน TEEN

238

วาดหวังพึงรู้เผื่อ......................ผิดหวัง
พลั้งพลาดพอจะยัง.................ช่วยได้
สายกลางอย่าละล้าละลัง..........ยึดเหนี่ยว
หลักแห่งธรรมนำใช้.................ผ่อนเศร้าโศกตรม

เลือกเกิดนั้นไม่ได้..................ฉันใด
ลิขิตก็บ่ใคร...........................เลือกได้
ชะตาชักนำไป........................โลดแล่น
การกระทำจึ่งไซร้...................สะท้อนชะตากรรม

237

ชาวพุทธกำหนดแท้ ทางธรรม
"สัจจะ"คือสิ่งนำ ว่าไว้
"ทมะ"สิ่งตามค้ำ ในสัตย์
"ขันติ" "จาคะ"ไซร้ นั่นแท้ทางเดิน

ความจริงอันหลีบเร้น นานา
ควรเปิดปรากฎมา เชื่อมร้อย
ทุกแง่มุมสัจจา สูงต่ำ
คนเที่ยงธรรมไม่น้อย ทั่วพื้นผไทไทย

เป็นหนึ่งคนเลิกคว้า ไขว่ดาว
เคยหลงใฝ่แสงสกาว เท่านั้น
บัดนี้ใส่สีขาว พุทธบุตร
ทำเนื่องชีวิตสั้น เพื่อพ้องพรายพันธุ์

คือแด่มวลสัตว์โลก ชีวาลัย
หลายหลากชนิดใน โลกนี้
สมดุลสรรพสิ่งใส สวยสะ
บรรเจิดธรรมบ่งชี้ เร่งเร้าเสมอสมัย

สังคมคนซับซ้อน ซ่อนแสดง
สมมุติสุดผาดแผลง เงื่อนแร้ว
โครงสร้างแต่งปรุงแปลง ตามกิเลส
แปรเปลี่ยนโดยเพริศแพร้ว เปลี่ยนร้ายกลายดี

มณีในมนุษย์แท้ ส่องประกาย
"พุทธะ"ซ่อนแสงพราย หลืบเร้น
รอวันส่องสาดฉาย ใจเพื่อน
เพียงปรับใจอย่าเค้น ฝากไว้ไตร่ตรอง

236

๏ สงสัย วิสัชน์แล้ว.............gaara_nan
มีประโยชน์ใดกัน................เมื่อค้าน
อยากรู้ ศึกษามัน................เองเถิด
'ธรรมชาติ'เห็นต่างด้าน.........ต่างโต้อัตตา

๏ เห็นหน้า ท่านหว้าไม่.........รู้ใจ ----------->(หว้า โทโทษเอก ว่า)
นกว่า ท่านเห็นไหม..............น่าถ้าน ------->(ว่า น่าถ้าน โทษทั้งคู่ หว้า หน้าท่าน)
ซ้ายขวา ภาพสลับใบ...........หน้าท่าน
ในกระจกเงา ใครค้าน..........ว่าหน้าตัวเอง

๏ ต่างโคลงเคลง โต้คลื่น......กระแสธรรม
ต่างเล่าเรียน รู้คำ................บอกเหล้า ----->(เหล้า โทโทษเอก เล่า)
ต่างสำนัก ต่างสำ-..............นึก,ต่าง เล่าฤๅ ->(เล่าฤๅ สื่อถึง เล่าลือ)
เมาเล่า เมาเหล้า เม้า...........มั่วโม้เมามาย -->(สื่อถึง ไม่เมาเล่ากันบ้างเลยหรือไร)

๏ แม่สี ใครเล่ารู้................สามสี
สีปฐมภูมิ ดี......................เด่นด้าน
ไม่อาจผสมสี....................อื่นเกิด แม่สีแล
'แดง'เด่น 'เขียว'จัดจ้าน.......หนึ่ง'น้ำเงิน'นา

๏ 'ดำ'อมตะ ด้วยคลื่น.........แม่สี ผสมแล
'เทา' คี่เถ้าสารซี................คลุกเคล้า ----->(คี่ เอกโทษโท ขี้)
'เหลือง' สีผสมมี................หลายหมู่ สีนา
ไทย'อมตะ' นั้นเจ้า.............เกิดได้ยามใด

๏ ทางสายรุ้ง มุ่งสร้าง..........ทางสวรรค์
ไทยมั่นคง มีวัน..................เกิดได้
แม่สี ร่วมใจกัน...................เถิดแม่-ศรีเอย
คำพ่อ 'นกรู้' ให้.................ใช่ไร้ความหมาย-สหายกวีใจเอย บารนี

235

“แสงอาทิตย์” แท้จริง มีเจ็ดสี
รัศมี แห่งตะวัน บังเฉิดฉาย
แสงสีขาว เจิดจ้า ท้าประกาย
กลบเจ็ดสี รี่เลือนลาย จากสายตา

“รุ้งกินน้ำ” ปรากฎการณ์ ธรรมชาติ
โค้งผ่านพาด หลังสายฝน ปนแดดจ้า
เมื่อแดดส่อง ผ่านละออง น้ำฝนมา
แสงหักเห บนฟากฟ้า “รุ้ง” ปรากฎ

แปลกแต่จริง จะมองรุ้ง ต้องหันหลัง
ให้ตะวัน ส่องตรงข้าม จึงงามงด
รุ้งเกิดจาก ละอองน้ำ ล้านล้านหยด
แสงกำหนด ตกกระทบ จึงตระการ

ยิ่งฟ้าครึ้ม ยิ่งเห็นชัด เป็นพิเศษ
ให้สังเกต แดดและฝน เป็นหลักฐาน
สรุปว่า รุ้งเกิดได้ ตลอดกาล
แต่เกิดเพียง ไม่นาน จะจางไป

ผู้ที่ยืน มองสายรุ้ง คนละที่
โค้งวิถี ย่อมเห็นต่าง อย่าสงสัย
ยืนสิบที่ โค้งสิบแบบ ทั้งใกล้ไกล
ความสวยใส หักเหได้ ใช่เกิดเอง

เปรียบคนหลาก สีเสื้อคือ ละอองน้ำ
แสงพาดผ่าน คืออำนาจ ที่ข่มเหง
ปรากฎการณ์ เสื้อสีรุ้ง จึงบรรเลง
หลังเสียงเพลง ลมฝน ปนตะวัน

รุ้งเกิดจาก การกระทบ ของน้ำ – แสง
จึงฉายแรง เจิดจ้า บนฟ้านั้น
แต่รุ้งงาม ล้วนพ่ายแรง แก่แสงจันทร์
เมื่อผ่านพ้น กลางวัน สู่กลางคืน

เห็นกำเนิด อัศจรรย์ สีสันรุ้ง
เป็นวงจร ที่ปรุงแต่ง จากสิ่งอื่น
แม้สายรุ้ง ตามองว่า ไม่ยั่งยืน
แต่มิหาย กลายเป็นอื่น จากหัวใจ

234

๏ ทาง..เก่า เฒ่ากร่าง ม้าย.................มือหมาย
สาย......เก่า เสาก่าย ลาย....................สี่ต้น
รุ้ง.......เก่า เหล่ากรุง กลาย................คล้ายหม่น หมองนา
กลับ....เก่า เก่ากลับ พ้น......................กลับข้าง ฝันสลาย ๚

๏ ทุ่ง..หม่น ทนมุ่ง หน้า...................ฝ่าไป
สาย....หม่น สนหมายไทย.................สงบได้
ร้าง....หม่น ล่นหมาง ใคร.................เริ่มก่อ ไว้นอ
ไกล....หม่น กลหมาย ให้...................พี่น้อง หมองใจ ๚–

233

ทางสายเก่าเราเห็นเป็นสีรุ้ง
เคยหมายมุ่งปีนป่ายตะกายฝัน
จะเดินทางข้ามขอบฟ้าหาตะวัน
ผ่านหมู่เมฆร้อยพันที่กั้นกลาง

จินตนาบรรเจิดเลิศเพริศแพร้ว
ทางสายรุ้งบันไดแก้วยามก้าวย่าง
นางอัปสรโปรยดอกไม้มาลัยวาง
สุขสรรสร้างในใจให้รื่นรมย์

แต่ความจริงเพียงแสงที่ลวงตา
ทางสายรุ้งทาบขอบฟ้าเขียวแดงส้ม
ครามน้ำเงินม่วงเหลืองโค้งมนกลม
ฉับพลันลมหอบหายสลายไป

เหลือเพียงแต่ทุ่งสายร้างอยู่ข้างบ้าน
เหลืองดอกคูณแดงดอกจานบานไสว
ทางสายรุ้งเป็นนิทานสำราญใจ
เห่แกว่งไกวเด็กน้อยที่งอแง

232

ทางสายรุ้ง ทุ่งสายร้าง ฟังแล้วยิ้ม
ดูคล้ายอิ่ม ความสุข แล้วทุกข์ผลัน
เข้ามาแทน ความสวยงาม ที่กลับพลัน
กลายเป็นฝัน ที่สลาย กับสายลม

หรือบ้านเมือง หลากสี ที่เราเห็น
ต้องกลายเป็น ทุ่งสายร้าง กลางทุกข์ถม
เหลืองแดงฟาด มาดร้าย ให้ตรอมตรม
หันด้านคม มีดเข้าฟัน กันบรรลัย

อยากปูทาง เริ่มใหม่ ด้วยหลายสี
เลิกต่อยตี ร่วมมือกัน สานฝันไหม
แดงกับเหลือง เขียวส้มม่วง พ่วงเข้าไป
แสดครามใช้ เติมเป็นรุ้ง มุ่งสร้างทาง

ถึงวันนั้น ทุ่งสายร้าง อย่างวันนี้
อาจจะมี วันย้อนกลับ จับความหวัง
เหลืองกับแดง ร่วมมือ คือพลัง
ร่วมสร้างทาง สายรุ้งใหม่ ให้ไทยเรา

231

คือกลยุทธ์ ที่สุดยอด แห่งคัมภีร์
การถอยหนี ตามตำรา การสู้รบ
สุภาษิต ว่า สงคราม ยังไม่จบ
อย่านับศพ ไพร่พลังพล ทหารหาญ

เล่นใต้ดิน ก็คงเล่น เช่นจอมยุทธ์
มัวแต่มุด ก็เสียท่า อย่าฝันหวาน
เมื่อโลกนี้ ไร้พรมแดน แสนอลังการ
สื่อประจาน การณ์ประจักษ์ มีหลักยืน

การต่อสู้ ต้องรู้เขา และรู้เรา
สู้กับเงา ทะมึนโจร โดนขัดขืน
ควรรู้หลบ ให้เป็นปีก หลีกลูกปืน
ทิ้งจุดยืน ไม่หมัดเมา ให้เขายิง

แต่กลยุทธ์ ที่สุดยอด ควรนำใช้
คือการให้ ศัตรูสลาย ลายเสือสิงห์
เอาชนะใจ กลายเป็นมิตร ที่แท้จริง
ดังชายหญิง ที่ต้องอยู่ คู่เคียงกัน

230

อยู่ภาคไหน ของขวาน ความเป็น “บ้าน”
มิอาจต้าน ทัดทาน ความสับสน
แต่เราเลือก จะอยู่ด้วย ลำแข้งตน
หนีไม่พ้น ชายคา บ้านหลังนี้

กลุ่มคนคิด เหมือนกัน อยู่กันได้
แตกหลากหลาย ความต่าง ลาดยางหนี
มีถนน หลากหลาย ต้นปลายชี้
เราเลือกเอง ทางไหนดี ที่ไหนควร

คนอาศัย ชั่วคราว อย่างเรานั้น
มิหวาดหวั่น ขออยู่เย็น เป็นสัดส่วน
เปรียบเครื่องยนต์ วิ่งหลายเที่ยว เดี๋ยวก็รวน
ใครตีตรวน วิญญานเรา ได้หรือไร ?

มองแต่ส่วน ที่ดี พึงนึกคิด
เลือกใช้สิทธิ์ พึงมี ที่พึงได้
แม้กดดัน ต้องเลือกอยู่ อย่างผ่อนคลาย
คนเลวร้าย มันไม่ตาย หรืออย่างไร ?

ตราบไม่คิด บ่งเสี้ยน เปลี่ยนสัญชาติ
ต้องกล้ามอง แม้อุจาด - บาดแค่ไหน
ใครเขาอยาก ก่อกรรม ปล่อยเขาไป !!
บังเอิญเรา ... แค่อาศัย ... เพียงชั่วคราว !!...

229

อันขวานทอง ที่เทวา ส่งมาให้
มันไม่ใช่ ด้วยของฉัน มันขวานเหล็ก
ใช้ฟันฝ่า มาแต่ครั้ง ยังเป็นเด็ก
ใหญ่หรือเล็ก เทียบเคียงกัน ฉันพอใจ

ดังกฏหมาย รัฐธรรมนูญ สี่ศูนย์นั่น
ก็ของฉัน ประชาชน ทนเคลื่อนไหว
เรียกร้องมา กว่าจะได้ ใยปล้นไป
ฉันอยากใช้ ของเดิมฉัน มันดีกว่า

ว่า " ขวานทอง ของผองไทย " ใช่จริงหรือ ?
ฉันเคยถือ ถูกทวงคืน ยืนชี้หน้า
" เอาประเทศไทย ของเราคืนมา "
ฉันไม่กล้า จะร่วมร้อง เป็นของเรา

เพราะฉันใส่ เสื้อสีแดง ถูกแบ่งค่าย
ให้เป็นฝ่าย คนรากหญ้า ว่าโง่เขลา
รัฐธรรมนูญ ปีห้าศูนย์ ให้ไม่เอา
ว่าหูเบา " รัฐประหาร เจอกัน ในทันที "

ฉันขออยู่ ตามประสา คนรากหญ้า
เอาขวานเหล็ก ของข้าคืน เสียโดยดี
ได้ทำมา หากินได้ มาหลายปี
ขวานทองนี้ มิอาจใช้ ให้ด้ามหัก

228

๏ ฟังเพลงปืน ป่วนป้าง........คอนกรีต
ขีดกร่อน การเมืองพิษ.........พ่นบ้าน
พาลบน มุ่งชีวิต.................ชาวประ ชาแล
ซะเป่า เปิงปลิดกร้าน...........กร่างกว้าง เมืองไทย ๚ะ

๏ ไม่ประเทือง,ทำหม่นให้.....ใครรน
คนไล่ รุกเวียนจน...............จ่อมไหม้
ใจมอม เปลี่ยนแปลงปน.......มาป่วน
มวลป่า คอนกรีตใกล้...........ลุกทั้ง เมืองเรา ๚ะ

๏ เมาเหลือง,แดงเกิดขึ้น......เพราะไร
ไฟล่อ เกิดโลมไป...............เถื่อนล้น
ทนเรือน ต่อตาม,ใย.............ทวนปรับ
ทับป่วน เปิง,หากต้น............ข่มไว้ ครองหมาย ๚ะ

๏ คลายหมอง เคืองขุ่นแม้น...เมานาน
มารเน่า สิงเมืองสาน............ต่อร้าย
ตายรอ ตื่นรนราน................เราหนัก
รักเน่า คำกรอกป้าย.............ปริ่มเปื้อน เงาใคร ๚ะ

๏ ไงเขา ครองข่ม ไว้...........ไทยเรา
เท่าไหร่ จึงจะเบา................เข่น,ให้
ใครเห็น ต่างตัวเขา..............คนผิด
คิดพ่น เพลงป่วนได้.............ด่วนทึ้ง แดงไทย ๚ะ

๏ ใดแทง ทวนเถื่อน,ซ้ำ........ไทยซม
ถมใส่ ความทุกข์ขรม...........ขุ่นไหม้
ใครหมุน เปลี่ยนแปลงปม......ไทยสุข
ทุกข์ใส่ พาโศกไร้-..............สุขนั้นเลือนหาย ๚ะ๛

227

๏ ตอก-สันขวาน*สานฝัน...ในวันก่อน
พ่อ-แม่สอน*หมอน,แส้...แม่ลูกสอน
ไทย-ขวานทอง*ฟองธาร...สีทันดร
กลาง-สมร*สอน'มะ'...อาถรรพ์จิต

๏ ตอก-สันขวาน*สานฝัน...ในวันนี้
พ่อ-แม่ตี*มีแต่...แม่ลูกติด
ทอง-ขวานไทย*ไกวทาน...ต้านผิดทิศ
อาทิตย์จันทร์*ทัณฑ์จิต...ติดอาถรรพ์

๏ ตอก-สันขวาน*สานฝัน...ในวันหน้า
พ่อ-แม่หา*มาแห่...คอยแต่ฝัน
ไทย-ทองขวาน*ทานฟอง...อะไรนั่น
ช่าง-หัวมัน*หันมัว..ทั่วทุกทาง ๚ะ๛

226

เรามิอาจ เปลี่ยนใครได้ ทางความคิด
ทั้งสี่ทิศ คือขวานทอง ของผองเพื่อน
แม้มีบ้าง บางคราว ร้าวจนเลือน
ทำให้เกิด รอยเลื่อน เคลื่อนจากกัน

แต่อย่างไร แผ่นดินไทย ยังไม่แตก
การปลดแอก เอกภาพ เป็น "หลาย" นั้น
มองว่า "ง่าย" ก็ไม่ "ง่าย" เหมือนรำพัน
แต่กล้าฟัน ว่าไม่ยาก หากเพื่อนเมิน

มองฟ้ากว้าง ทางไกล หายใจเข้า
กลิ่น "ไทย" เรา ยังอยู่ อย่าห่างเหิน
เดินช้าบ้าง ถ้าเหนื่อยนัก พักหยุดเดิน
หากไม่เพลิน เหนื่อยนัก พักคลายใจ

อยู่ที่ไหน ย่อมไม่สุข เหมือนอยู่บ้าน
นอนอยู่บ้าน ย่อมอบอุ่น เพราะบ้านใหญ่
บ้านหลังนี้ คือบ้านเรา ใช่บ้านใคร
เราช่วยกัน แก้ไขได้ ด้วยมือเรา

เราเรียนรู้ ความ "เศร้า" เพราะผิดหวัง
ความ"พลาดพลั้ง" สอนให้เรา ไม่โง่เขลา
ให้อภัย เถอะสหาย หนักกลายเบา
มองมาสิ จะเห็นเงา เรายิ้มให้ ...!!!

225

ประชาชน ต่างอาสา มาสร้างชาติ
ประเทศชาติ ต้องอาศัย ใจประสาน
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า มาช้านาน
ร่วมก่อร่าง สร้างสรรค์ เป็นฟันเฟือง

แผนที่โลก ระบุชัด ว่ามี “บ้าน”
ทรง”ด้ามขวาน” นาม “ THAILAND “ แสนลือเลื่อง
“ยิ้มสยาม” งามสง่า กว่าทุกเมือง
“ธรรมชาติ” งามประเทือง เรืองนามไทย

ธงไตรรงค์ สะบัดพริ้ว ปลิวสามสี
ความมั่งมี ไม่น้อยหน้า ชนชาติไหน
ทุกมณฑล ล้วนมีความ ศิวิไลซ์
“สัญชาติไทย” ชาติมอบให้ ไทยทุกคน

ทุกชนชั้น ล้วนรัก พิทักษ์สิทธิ์
รู้จักคิด ใช้ชีวิต บนถนน
สิทธิ์สูงสุดแห่งมนุษยชน
คือ ยากดีมีจน .... “คนเสรี”

แต่ทำไม ? ยิ่งเดินไกล เหมือนยิ่งหยุด
เดินไม่สุด ต้องสะดุด หยุดเคลื่อนที่
เมื่อประชา แตกรัก สามัคคี
ต่างคนต่าง ถือแผนที่ ต่างเดินทาง

ชาวประชา อาสา มาสร้างชาติ
ประเทศชาติ ต้องแบกรับ ความแตกต่าง
เรื่องเหลือเชื่อ เสือหลงป่า เรืออับปาง
ไร้ศูนย์กลาง ดับวิกฤติ อนิจจัง

แผนที่โลก ยังมองเห็น ว่าเป็น “บ้าน”
รอยร้าวฉาน สร้างช่องว่าง จากความหลัง
พลเมือง แตกฮือดั่ง ผึ้งแตกรัง
ต่างชิงชัง คลุ้มคลั่ง !! ท้าต่อยตี

ธงไตรรงค์ ยังคงโบก สะบัดไหว
อย่าให้ “ไทย” ตกเป็น “ทาส” เกมส์ปาหี่
หากประชา กลับมารัก สามัคคี
โปรดกลับมา ถือแผนที่ แผ่นเดียวกัน

เริ่มจากตัว เราก่อน วอนท่านคิด
ผู้พิชิต ความเกลียด และเดียจฉันท์
สุขร่วมเสพ ทุกข์ร่วมต้าน หมั่นแบ่งปัน
คืนสวรรค์ วันใหม่ ให้ “ขวานทอง”

224

ยุบสภาเลือกตั้งใหม่....................การเมือง
ประชาธิปไตยเมลือง...................เด่นล้ำ
เปลื้องปลดคับข้องเคือง...............วิกฤต
ทางออกเดียวตอกย้ำ..................ถูกต้องกระนั้นฤา

223

กระทู้เก้า ถูกลบ เรา ..งง..นัก
ไม่รู้ว่า .. ผิดกฏ .. ที่ข้อไหน
มาย้อนดู .. ไม่มี ... แสนอาลัย
อุตส่าห์แต่ง ... ตอบสหาย ... แหม !! ทำไม

อันการเมือง เป็นระบบ ตามระบอบ
อยู่ในกรอบ ล้อมรอบ ด้วยกฎหมาย
นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ถูกท้าทาย
จืตฝั่งร้าย ไม่ย้ายฝั่ง ต้องมั่นใจ

ประชาชน เลือกท่าน ท่านถูกเลือก
อย่าใช้เชือก มัดตัว จะเสียหาย
การได้เสียง ของประชา นั้นไม่ง่าย
หากท่านขาย อุดมการณ์ เราค้านแน่

อย่าหักหลัง ปวงประชา ที่เป็นมิตร
โปรดให้เกียรติ แก่สิทธิ์ ที่เที่ยงแท้
หากว่าท่าน ห่างหาย กลายอ่อนแอ
อาจจะโดน เขารังแก ... แล้วแต่เขา !!

หากท่านดี เฉพาะตอน ก่อนเลือกตั้ง
กลับหน้าหลัง พฤติกรรม มันน่าเศร้า
ท่านอาจได้ รับเกียรติ มิใช่เบา
ดอกไม้จัน จากเขา "เผา" ทั้งเป็น

222

ผลประโยชน์คนส่วนใหญ่ควรได้รับ
นักการเมืองโปรดสดับอย่าลื่นไหล
เสียงของคนส่วนมากยังข้องใจ
แต่เสียงคนส่วนใหญ่เบาเหลือเกิน

คนส่วนน้อยเสียงดังอหังการ์
ชาวพาราส่วนมากยังขาดเขิน
เมื่อไหร่หนอเมืองเราจะจำเริญ
บังคับเดินทางเก่ามาเนาว์นาน

ชะตากรรมย่ำเท้าก้าวไม่ข้าม
ท่านว่างามก็งามตามกล่าวขาน
ทิ้งหล่นเหลือเจือจุนบุญสุนทาน
ให้กราบกรานร้องขอพอประทัง

ประชาชนทนดูรู้เท่าทัน
นักการเมืองปากมันเป็นกระหัง
ตอนเลือกตั้งนบน้อมค้อมหัวจัง
พอหันหลังออกลายไม่อายเอย

221

การเมืองเรื่องเกี่ยวข้อง..............ใกล้ตัว
หาใช่เรื่องน่ากลัว.................ชั่วร้าย
การเมืองเรื่องครอบครัว..............ขนาดใหญ่
ที่สุดบทสุดท้าย..................ต่างต้องพึ่งพา

วิวาทะจะแจ้ง..................แย้งกัน
แบ่งพวกพ้องฟาดฟัน...............หักล้าง
ผลประโยชน์แบ่งปัน...............ทุกฝ่าย
ทุกข์สุขเสมอข้าง................ถ่วงให้สมดุล

220

ผลประโยชน์ไม่เข้า.......................ออกใคร
เพื่อนหมดความหมายใด................ง่ายแท้
ศัตรูกลับกลายไป.........................เป็นมิตร
ศีลธรรมพ่ายแพ้...........................ต่อน้ำเงินตรา

ศัตรูและมิตรแท้...........................ไม่มี
พฤติกรรมท่าที..............................เปลี่ยนได้
ดั่งจิ้งจกเปลี่ยนสี...........................บ่ผิด
ธรรมชาติวิถีไซร้...........................ปรับใช้แสนเนียน

การเมืองบ่มิตรแท้..................ศัตรู จริงแล
ผลประโยชน์เลิศหรู................เกี่ยวข้อง
ย้ายพรรคเปลี่ยนข้างดู............เป็นเรื่อง สนุกแฮ
อาชีพนี้จักต้อง......................ลื่นด้านหนาทน

219

การเมืองเรื่องประโยชน์โปรดได้คิด สิ่งไม่ผิดคือประโยชน์คนทั้งหลาย
ผลประโยชน์ของชาติต้องกระจาย แบ่งไปให้ทุกคนอย่างเป็นธรรม
ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ไม่ย่ำเหยียบแบ่งชนชั้นสูงต่ำ
ผลประโยชน์หากแบ่งยุติธรรม จะสุขล้ำรุ่งเรืองทั่วเมืองไทย
จะไม่เห็นผู้คนจนย่ำแย่ ถ้าได้แก้การเมืองเป็นเรื่องใหญ่
แก้ให้เป็นประชาธิปไตย ถ้าเต็มใบเชื่อได้จนไม่เป็น
ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ล้น ประชาชนควรหรือต้องทุกข์เข็ญ
ทุกวันนี้ที่คนจนลำเค็ญ เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย

218

๏ นักการเมือง เนืองการหมัก ... เล่นไม่หนัก หลักไม่เน้น
เข็นไม่ไป ไขไม่เป็น ... เด่นเรื่องกิน ดิ้นเรื่องเกณฑ์

๏ ก่อนจะเลือก เกือกจะล่อน ... เป็นแล้วย้อน ป้อนแล้วเย็น
เห็นเห่าป้อน หอนเห่าเป็น ... ของเก่าเล่น เข็นเก่าลอง

๏ ออกจากบ้าน อ่านจาก blog ... ลองมา talk ลอกมาถอง
ร้องมุ้งมาก หลากมุ้งม่อง ... แกว๊ก! ศาลร้อง ฟ้องศาลแหลก ๚

217

เรื่องการเมืองเป็นเรื่องดีที่ปรากฎ
ทำให้เราเรียนรู้บทเสน่หา
คน "ยามรัก" รักมาก สู้ยิบตา
คน "ยามเกลียด" เกลียดยิ่งกว่า ไร้ปราณี

เรื่องการเมืองเป็นเรื่องดีที่น่าคิด
ทำให้เราเรียนรู้สิทธิ์และศักดิ์ศรี
คน "ทุกข์ยาก" ใครดูแล เขาว่าดี
จึงยอมพลีทำได้ให้ถูกแคลน

เรื่องการเมืองเป็นเรื่องโวคุยโอ้อวด
บางคน "สวด" เสียยืดยาว ราวว่าแค้น
บางคน "บ่น" เสียงดัง ดังกว่าแคน
บางคน "แก่น ... แส่" หาเรื่อง ให้เปลืองตัว

เรื่องการเมืองเป็นเรื่องธรรมชาติ
คนขี้ขลาดบางคนไม่โผล่หัว
จะพูดที เกรงใจที แถมขี้กลัว
เผลอพูดมั่ว เกรงมองหน้า เขาไม่ได้

เรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์
คนที่ดี รู้จักคิด มิตรหลากหลาย
เป็นความหวังของประชาที่ท้าทาย
เราอยากมีมิตรสหาย ... คนเช่นท่าน

เรื่องการเมืองเป็นเรื่องเหมือนถูกสาป
บ้างโยนบาป ใส่ร้าย เพื่อขายฝัน
บ้างหลอกลวง ลวดลาย ขายชีวัน
คนใจใหญ่ "เท่านั้น" คือตัวจริง !!

216

เปรียบการเมือง เป็นเรื่อง ที่สร้างสรรค์
สอนให้เรา รู้ทัน ความผันผวน
เหตุที่เกิด เปิดประเด็น เห็นชนวน
ผลก่อกวน สวนกลับ ควรจับตา

เล่ห์ลมปาก ฉะฉาว กลิ่นคาวฉิบ
มองรอบทิศ สามร้อยหก สิบองศา
สิ่งที่เห็น อาจหลีกเร้น ซ่อนสายตา
สิ่งที่ฟัง อย่าพร่าเพลิน จำเริญใจ

ฝ่ายที่ค้าน ย่อมค้าน หัวชนฝา
ฝ่ายรัฎฐา ต่อวาจา โวหารใส่
ฝ่ายวุฒิ ฯ สองฝั่ง ต่างชั่งใจ
ประธาน "ชัย" งานหนัก เหนื่อยนักแล

การประชุม ร่วมกัน ในครั้งนี้
เห็นท่าที ว่าไม่ชัด จะจบแน่
ปากก็พูด หูก็ฟัง ตาก็แล
พวกยุแหย่ ตีรวน ยวนยั่วกัน

นี่แหละหนา การเมือง เรื่องการบ้าน
ต้องบวก ลบ คูณ หาร ให้สร้างสรรค์
สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด คิดให้ทัน
ทั้งเราท่าน จงพินิจ พิจารณา

215

ชมรมแห่งความสับสนวุ่นวายแห่งนี้
มักจะมีหลุมพรางและกับดัก
ต่างชุมนุมมังกรซ่อนพยัคฆ์
มีความรัก, บุญคุณ และความแค้น

...ต่างเป็นคนพเนจรไร้ราก
ใยต้องมาก...ระเบียบแบบแผน
เพียงน้ำใสใจจริงมอบเพื่อตอบแทน
อาคันตุกะผู้ผ่านแดนมาแสนไกล...

........เหมือนใบไม้ล่องลอยในสายลม
เหมือนจอกแหน...จ่อมจมสายน้ำไหล
คุณธรรมน้ำมิตรเหมือนสายใย
เราต่างมีสายใจ...ที่ผูกพัน

....ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา
เพราะชีวิต มี “ ชีวา “ มีความฝัน
ส่งพันลี้...ก็ต้องพรากไกลจากกัน
ขอเมามายใต้แสงจันทร์...กับสหาย

.....เพื่อนดี...น้ำเปล่ายังดื่มซด
เพื่อนคดเหล้าดี...ยากดื่มได้
....คนเรากว่าจะพบกัน..ใช่ง่ายดาย
มาชนจอกทักทาย...ด้วยไมตรี