วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

235

“แสงอาทิตย์” แท้จริง มีเจ็ดสี
รัศมี แห่งตะวัน บังเฉิดฉาย
แสงสีขาว เจิดจ้า ท้าประกาย
กลบเจ็ดสี รี่เลือนลาย จากสายตา

“รุ้งกินน้ำ” ปรากฎการณ์ ธรรมชาติ
โค้งผ่านพาด หลังสายฝน ปนแดดจ้า
เมื่อแดดส่อง ผ่านละออง น้ำฝนมา
แสงหักเห บนฟากฟ้า “รุ้ง” ปรากฎ

แปลกแต่จริง จะมองรุ้ง ต้องหันหลัง
ให้ตะวัน ส่องตรงข้าม จึงงามงด
รุ้งเกิดจาก ละอองน้ำ ล้านล้านหยด
แสงกำหนด ตกกระทบ จึงตระการ

ยิ่งฟ้าครึ้ม ยิ่งเห็นชัด เป็นพิเศษ
ให้สังเกต แดดและฝน เป็นหลักฐาน
สรุปว่า รุ้งเกิดได้ ตลอดกาล
แต่เกิดเพียง ไม่นาน จะจางไป

ผู้ที่ยืน มองสายรุ้ง คนละที่
โค้งวิถี ย่อมเห็นต่าง อย่าสงสัย
ยืนสิบที่ โค้งสิบแบบ ทั้งใกล้ไกล
ความสวยใส หักเหได้ ใช่เกิดเอง

เปรียบคนหลาก สีเสื้อคือ ละอองน้ำ
แสงพาดผ่าน คืออำนาจ ที่ข่มเหง
ปรากฎการณ์ เสื้อสีรุ้ง จึงบรรเลง
หลังเสียงเพลง ลมฝน ปนตะวัน

รุ้งเกิดจาก การกระทบ ของน้ำ – แสง
จึงฉายแรง เจิดจ้า บนฟ้านั้น
แต่รุ้งงาม ล้วนพ่ายแรง แก่แสงจันทร์
เมื่อผ่านพ้น กลางวัน สู่กลางคืน

เห็นกำเนิด อัศจรรย์ สีสันรุ้ง
เป็นวงจร ที่ปรุงแต่ง จากสิ่งอื่น
แม้สายรุ้ง ตามองว่า ไม่ยั่งยืน
แต่มิหาย กลายเป็นอื่น จากหัวใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น